วิสัยทัศน์

“เรามุ่งมั่นเดินบนวิถีอินทรีย์ที่ดีต่อตัวเรา และสังคม”

พันธกิจ

“เราส่งมอบผักออร์แกนิคจากฟาร์มของเรา คัดสรรวัตถุดิบปราศจากสารเคมี นำเสนอผ่านประสบการณ์มื้ออาหาร เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน และให้การดูแล ต้อนรับเสมือนคนในครอบครัว พร้อมทั้งยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนเพื่อนร่วม อุดมการณ์ในวิถีอินทรีย์”

คุณค่าของแบรนด์

Local
รักในวิถีเกษตรอินทรีย์ และเชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีสุดในการทำเกษตรกรรม และมั่นใจในการใช้วิถีนี้ดูแลครอบครัว ลูกค้า และสิ่งแวดล้อมให้แข็งแรง บริษัทฯ ตั้งใจปลูกและเก็บเกี่ยวผักอินทรีย์ทุกต้น พร้อมเสิร์ฟให้ถึงมือทุกคน โดยปราศจากสารเคมีและยาฆ่าแมลงที่จะส่งผลร้ายต่อผู้คนและโลก
Generous
เชื่อมั่นในสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของครอบครัว การรวมตัวที่อยู่ร่วมกันภายในสถานที่หนึ่ง ภายใต้จุดประสงค์หนึ่ง หรือที่เรียกว่ารัก บริษัทฯ ปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนเป็นดั่งคนในครอบครัว โดยให้ในสิ่งที่ดีที่สุดจากใจ และดูแลสมาชิกครอบครัวด้วยความซื่อสัตย์ ใส่ใจ และจริงใจ โดยให้แต่ของคุณภาพและคุณค่าที่พวกเขาสมควรได้รับเสมอ
Progressive
มุ่งมั่นที่จะเติบโต พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง และใช้ชีวิตตามวิถียั่งยืน และจะไม่ยอมประนีประนอมล้มเลิกความคิดนั้น พร้อมสนับสนุนให้ชุมชน ครอบครัว เกษตรกร พนักงาน และลูกค้า ได้มีชีวิตที่ยืนยาว มีสุขภาพดี และมีความสุขร่วมกันอย่างยาวนาน

ภาพรวมการประกอบธุรกิจ

บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้คอนเซ็ปท์ “Be Organic from Farm to Table” รวมถึงบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ โดยเน้นการปลูกผัก ผลไม้ แบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) และนำเสนออาหารและเครื่องดื่มจากวัตถุดิบหลักที่เป็นอินทรีย์ที่มีคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าของบริษัทฯ มีสุขภาพที่แข็งแรง

ธุรกิจบริการและจำหน่ายอาหาร ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋”

บริษัทฯ ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ภายใต้ชื่อ “โอ้กะจู๋” ซึ่งจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพประเภทต่างๆ เช่น สลัด สเต็ก ซุป สปาเก็ตตี้ อาหารจานเดียว ขนมหวาน น้ำผักผลไม้ เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น รวมถึงมีการนำผลิตภัณฑ์ภายใต้ แบรนด์โอ้กะจู๋ เช่น ผัก ผลไม้สด แซนวิช แร็พ เป็นต้น ไปวางขายยังช่องทางต่างๆ รวมถึงการให้บริการจัดเลี้ยง (Catering) โดยธุรกิจบริการและจำหน่ายของบริษัทฯ สามารถแบ่งรูปแบบและช่องทางการจำหน่ายได้เป็น 4 ช่องทางหลัก ได้แก่

  1. Full-service Restaurant
  2. Delivery and Kiosk
  3. Café Amazon และ
  4. Supermarket

ปัจจุบันสินค้าผักผลไม้สดออร์แกนิคที่มาจากเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบอินทรีย์ และนำมาจำหน่ายภายในร้านโอ้กะจู๋สาขาต่างๆ เกษตรกรจะได้รับตราสัญลักษณ์ สำหรับผักผลไม้สด เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรให้ทำการเกษตรอินทรีย์ และเป็นธุรกิจและผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างรายได้และอาชีพให้แก่ชุมชนอีกด้วย

2. ธุรกิจร้านอาหารประเภทจานด่วน (Quick Service Restaurant: QSR) ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll”

บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเริ่มประกอบธุรกิจร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภท สลัด แร๊พสลัด แซนวิช และเมนูสุขภาพพร้อมหยิบ (Grab & Go) ภายใต้ชื่อ “Ohkajhu Wrap & Roll” ซึ่งเป็นการต่อยอดเมนูที่จำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋ มาพัฒนาให้ตอบโจทย์ชีวิตเร่งรีบที่ต้องการรับประทานอาหารที่สะดวกรวดเร็วและดีต่อสุขภาพ และเพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็น Salad King of Thailand

3. ธุรกิจร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “Oh! Juice”

บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเริ่มประกอบธุรกิจร้านน้ำผักผลไม้ ภายใต้ชื่อ “Oh! Juice” ซึ่งเป็นการต่อยอดเมนูน้ำผักออร์แกนิคและผลไม้ที่จำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋ มาพัฒนาสูตรเพิ่มเติมให้เป็นเมนูที่เน้นสุขภาพในด้านต่างๆ และเสริมคุณค่าทางโภชนาการด้วยสารอาหารต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยสารอาหาร (Nutrition) เหมาะสำหรับคนทุกวัย เด็ก วัยรุ่น ผู้สูงอายุ คนออกกำลังกาย ให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีและมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขในแบบที่เป็นตัวเอง โดยการเสริมสร้างคุณค่าทางโภชนาการด้วยสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เช่น โปรตีน ไฟเบอร์ คอลลาเจน วิตามินซี เป็นต้น โดยน้ำผักผลไม้ของบริษัทฯ ใช้ผลไม้สด และผักออร์แกนิค ปราศจากน้ำตาล และสารเติมแต่ง

การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญ

ธุรกิจของบริษัทฯ เริ่มต้นจากผู้ร่วมก่อตั้ง ได้แก่ นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล (อู๋) และนายจิรายุทธ ภูวพูนผล (โจ้) ซึ่งมีความสนใจในการผสมผสานเกษตรสมัยใหม่กับวิธีการเกษตรแบบดั้งเดิมเข้าด้วยกัน ประกอบกับการเติบโตมาจากครอบครัวที่ประกอบอาชีพเกษตรกร จึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรร่วมกัน และเริ่มทำแปลงผักครั้งแรกในช่วงปี 2553 โดยมีอุดมการณ์หลัก คือ การปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ วิถีธรรมชาติ ผ่านการออกแบบ และจัดการฟาร์มโดยที่ไม่พึ่งพาสารเคมีใดๆ คำนึงถึง ผืนดิน ผลิตผล ระบบนิเวศ ครอบครัว และชุมชน โดยเริ่มจากปลูกผักสวนครัวทั่วไป และผักสลัดบางชนิด ผลผลิตที่ได้ก็จะนำไปประกอบอาหารรับประทานกันในครอบครัว ด้วยเหตุผลที่ว่า บริษัทฯ อยากให้คนในครอบครัวมีสุขภาพดี ไม่อยากให้ครอบครัวได้รับสารพิษและสารเคมีตกค้าง จึงเป็นที่มาของสโลแกน

“ปลูกผักเพราะรักแม่” และนำชื่อของผู้ร่วมก่อตั้ง “อู๋กะโจ้” มาเป็นชื่อแบรนด์ “โอ้กะจู๋” และเริ่มเปิดร้านอาหารสาขาสันทรายเป็นสาขาแรกในปี 2556

2553
2554
2556
2557
2558
2559
2560
2561
2562
2563
2564
2565
2566
2567
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล นายจิรายุทธ ภูวพูนผล และนายวรเดช สุชัยบุญศิริ (รวมเรียกว่า “ผู้ร่วมก่อตั้ง”) เริ่มต้นทำแปลงผักในรูปแบบเกษตรอินทรีย์แห่งแรก บริเวณอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยสร้างโรงเรือนขนาดเพียง 6 x 30 เมตร สำหรับปลูกผักสวนครัวและผักสลัด เพื่อใช้บริโภคภายในครอบครัว
เริ่มจำหน่ายผลผลิตประเภทผักสลัด ผักสวนครัว ให้แก่ลูกค้า และร้านอาหารต่างๆ ทั่วจังหวัดเชียงใหม่
ต่อยอดผลผลิตโดยการสร้างคาเฟ่สำหรับคนรักสุขภาพ ในพื้นที่ติดกับสวนสันทราย โดยเน้นเมนูสลัดจากผลผลิตจากสวนเกษตรอินทรีย์ รวมถึงพัฒนาสูตรน้ำสลัด และเครื่องดื่มต่างๆ ที่ใช้วัตถุดิบจากเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด เช่น ผักสลัด เมล็ดกาแฟ ชา เป็นต้น โดยมีคอนเซ็ปท์ คือ “From farm to table” โดยปัจจุบันคาเฟ่ดังกล่าวได้ปรับปรุงเป็นร้านโอ้กะจู๋ และถือเป็นร้านอาหารสาขาแรกของบริษัทฯ
  • จัดตั้งบริษัทฯ ภายใต้ชื่อ “บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด” โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1.0 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท
  • ขยายพื้นที่ปลูกผักอินทรีย์แห่งที่ 2 ในบริเวณอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
  • ขยายพื้นที่ปลูกผักอินทรีย์แห่งที่ 3 ในบริเวณอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
  • เปิดร้านโอ้กะจู๋ สาขาที่ 2 ตั้งอยู่ในโครงการนิ่มซิตี้ เดลี่ จังหวัดเชียงใหม่
ร่วมก่อตั้งบริษัท เชียงใหม่วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (Chiangmai Social Enterprise) (“CSE”) ซึ่งเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคมที่เน้นการสนับสนุนและแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับความร่วมมือระหว่างบริษัทเอกชน มูลนิธิ หน่วยงานภาครัฐ และนักวิชาการ ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น CSE ในสัดส่วนร้อยละ 5.0
  • บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1.0 ล้านบาท เป็น 5.0 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อรองรับการขยายสาขามายังจังหวัดกรุงเทพฯ
  • เปิดร้านโอ้กะจู๋ สาขาที่ 3 ตั้งอยู่ในสยามสแควร์ จังหวัดกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นร้านอาหารสาขาแรกในกรุงเทพฯ โดยมีความตั้งใจอยากให้คนในเมืองได้ทานอาหารสุขภาพจากฟาร์มเกษตรอินทรีย์ของบริษัทฯ ตามสโลแกน “ตามมามอบผักอินทรีย์ แทนไมตรีที่มีให้กัน”
  • บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 5.0 ล้านบาท เป็น 20.0 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อรองรับการขยายสาขา และการขยายพื้นที่ปลูกผักอินทรีย์เพิ่มเติม
  • จากผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ส่งผลให้ในปี 2561 บริษัทฯ ได้ขยายร้านอาหารในกรุงเทพฯ อีก 3 สาขา และขยายพื้นที่ปลูกผักอินทรีย์แห่งที่ 4 บริเวณอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรองรับการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น และแผนในการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต
  • บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียน 2 ครั้ง เพื่อรองรับการขยายสาขา
    1. ในเดือนตุลาคม 2562 เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 20.0 ล้านบาท เป็น 85.0 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 850,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม
    2. ในเดือนธันวาคม 2562 เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 85.0 ล้านบาท เป็น 100.0 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 1,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม
  • บริษัทฯ เปิดร้านอาหารในกรุงเทพฯ เพิ่มเติมอีก 2 สาขา
  • บริษัทฯ เปิดร้านอาหารในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพิ่มเติมอีก 3 สาขา โดยเป็นการขยายพื้นที่ไปในบริเวณชานเมือง ได้แก่ พระราม 2 รังสิต และรามอินทรา เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น
  • จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อของเชื้อไวรัสโคโรน่า (“COVID-19”) ที่ส่งผลให้ร้านอาหารของบริษัทฯ ไม่สามารถเปิดให้บริการได้นั้น บริษัทฯ ได้ปรับตัวโดยการเปิดร้านในรูปแบบ Delivery จำนวน 3 สาขา ในกรุงเทพฯ ซึ่งทำให้บริษัทฯ ยังคงมีรายได้อย่างต่อเนื่องตลอดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงปี 2563 – 2565 โดยร้าน Delivery ยังคงเปิดให้บริการจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายที่ทำให้บริษัทฯ เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ทุกเวลา ตอบโจทย์ Lifestyle ผู้บริโภคในปัจจุบัน
  • บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 100.0 ล้านบาท เป็น 204.0 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 2,040,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อรองรับการขยายสาขา
  • บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 204.0 ล้านบาท เป็น 225.0 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 2,250,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าลงทุนของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (“OR”) ซึ่งเข้าถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด (“Modulus”) (บริษัทที่ OR ถือหุ้นร้อยละ 100.0) ด้วยการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิม และการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ รวมเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.0 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ออกและชำระแล้วของบริษัทฯ
  • บริษัทฯ เปิดร้านอาหารในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพิ่มเติมอีก 3 สาขา ซึ่งรวมถึงการเปิดร้านอาหาร ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ซึ่งถือเป็นช่องทางใหม่ ที่เกิดจากการร่วมมือกับ OR
  • เริ่มเปิดใช้ครัวกลางในจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือนธันวาคม ปี 2564 เพื่อใช้ในการผลิตและแปรรูปวัตถุดิบสำหรับใช้ในร้านอาหาร
  • นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เพิ่มการจำหน่ายผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์ของบริษัทฯ เพื่อจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตในเชียงใหม่
  • ขยายพื้นที่ปลูกผักอินทรีย์แห่งที่ 5 บริเวณอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรองรับการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น และแผนในการเติบโตในอนาคต
  • สืบเนื่องจากการมี OR เป็นพันธมิตรและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจโดยการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายในร้าน Café Amazon เช่น แซนวิช แร็พ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เพิ่มการจำหน่ายผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์ของบริษัทฯ เพื่อจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตในกรุงเทพฯ
  • บริษัทฯ เปิดร้านอาหาร และร้านในรูปแบบ Delivery เพิ่มเติมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนรวม 7 สาขา
  • บริษัทฯ เริ่มขยายสาขาไปยังจังหวัดสำคัญในภาคตะวันออก โดยมีการเปิดร้านอาหาร 4 สาขา ในพื้นที่พัทยา ชลบุรี และระยอง รวมทั้งยังคงขยายสาขาเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างต่อเนื่อง จำนวน 7 สาขา
  • บริษัทฯ เปิดร้านอาหารพร้อมบริการ Drive Thru เป็นแห่งแรกในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ซึ่งถือเป็นช่องทางใหม่ ที่เกิดจากการร่วมมือกับ OR
  • บริษัทฯ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ น้ำผักผลไม้ เพื่อจำหน่ายในร้านอาหาร รวมถึงขยายธุรกิจบริการจัดเลี้ยง (Catering)
  • บริษัทฯ เปิดร้านอาหารเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ จำนวน 1 สาขา
  • เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ได้มีมติอนุมัติเรื่องสำคัญ ดังนี้
    • แปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเปลี่ยนแปลงชื่อเป็น บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน)
    • เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จาก 100.0 บาทต่อหุ้น เป็น 0.5 บาทต่อหุ้น
    • เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 79.5 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 225.0 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียน 304.5 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 159.0 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.5 บาทต่อหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) รวมถึงบุคคลที่มีความสัมพันธ์ ซึ่งรวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือ พนักงานของบริษัทฯ และผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ
  • ขยายธุรกิจใหม่ภายใต้แบรนด์ Ohkajhu Wrap & Roll และ Oh! Juice